ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่
Welcome to Speaking English ฟุต ฟิต พอ ไฟ
…………………………………………………………………………………………………………………………….
ฝึกการพูดภาษาอังกฤษกับเราง่าย ๆ ด้วยหลายกลายเทคนิค
จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา
ขอเพียงคุณกล้า ภาษา (อังกฤษ) ก็ง่ายนิดเดียว
CREDIT : https://www.facebook.com/ChrisDelivery
จริงๆประโยคที่ว่าย่อมากจากประโยคเต็มว่า
How are you doing?
วิธีพูดประโยคนี้ให้สั้นลงก็คือ
How ya doin’?
โดย you ยู กลายเป็น ya ย่ะ
และตัว “G” ถูกแทนที่ด้วยตัว apostrophe
ซึ่ง -in’ ออกเสียงว่า อิน แทนที่จะเป็น -ing อิง
วิธีตอบก็เช่นเดียวกัน
doing ดูอิง กลายเป็น doin’ ดูอิน
ตัวอย่างเช่น
I’m doin’ well.
I’m doin’ good.
I’m doin’ great.
เป็นต้น
“หลายคนยังลังเลที่จะพยายามพูดภาษาอังกฤษให้ชัดเพราะไม่อยากโดนเพื่อนล้อว่า กระแดะ หรือ ดัดจริต ลองคิดในมุมกลับสิครับ ถ้าสมมุติอดัมเรียนประโยคว่า กินข้าวแล้วหรือยัง แต่กลัวพูดชัดเพราะคิดว่าเพื่อนฝรั่งจะหาว่าผมกระแดะ ผมต้องพูดว่า กีนแข่วแหลวเรอย่าง ถึงจะไม่โดนล้อเหรอ อิอิ ไม่ต้องเพราะชาวโลกมองว่าความสามารถที่จะพูดภาษาที่สองอย่างชัดเจนเป็นสิ่งที่เท่และเราควรภูมิใจที่เราทำได้นะครับ มีแต่คนไทยเท่านั้นที่มองว่าการพูดภาษาที่สองอย่างชัดเป็นการกระแดะครับ ที่ผมบอกแล้วบอกอีกคือจริงๆแล้วการกระแดะนั้นคือการแกล้งพูดภาษาแรกของตัวเองไม่ชัดนะครับ ดังนั้นเวลาพูดภาษาอังกฤษอย่ากลัวที่จะพยายามพูดให้มันชัด ไม่ต้องชัดเหมือนเจ้าของภาษาร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้แต่การพยายามเลียนแบบสำเนียงเจ้าของภาษาไม่ใช่การกระแดะนะครับ”
credit : อาจารย์ อดัม Adam Bradshaw
บทสนทนาภาษาอังกฤษฉบับง่ายๆ ตอน Hello
บทสนทนาในตอนนี้เป็นเรื่องของการทักทาย และการแนะนำตนเองไปพร้อมๆกัน จุดประสงค์ก็เพื่อทำความรู้จักกันนั้นเอง
ถ้ามีใครสักคนเดินเข้ามาถามเราว่า “คุณชื่ออะไร“เราจะรู้สึกยังไง มันก็แปลกๆใช่ไหมครับ ดังนั้นการทำความรู้จักใครสักคนนั้น ต้องทำการทักทายและแนะนำตัวเราเองก่อนเลย แล้วคู่สนทนาก็จะแนะนำชื่อของเขาเอง
Hello ใช้ได้กับคนทั่วไป
Hey ความหมายเหมือนกัน Hi แปลว่า หวัดดี เป็นคำทักทายประสาเด็กๆหรือวัยรุ่น
Nice ความหมายทั่วไปหมายถึง ดี แต่ในที่นี้ให้แปลว่า ยินดี
Nice to meet you เป็นการกล่าวแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน ตามธรรมเนียมอันดีงาม
hello | เฮ็ลโล | สวัสดี |
my | มาย | ของฉัน |
name | เนม | ชื่อ |
is * | อิส | เป็น อยู่ คือ |
hey | เฮ้ | หวัดดี |
I’m ** | ไอม | ฉัน คือ |
nice | ไนซ | ดี |
to | ทู | ที่ได้, ทีจะ, สู่ |
meet | มีท | พบ |
you | ยู | คุณ |
too | ทู | เช่นกัน |
* is ใช้กับประธานเอกพจน์ (คนเดียวตัวเดียว)
** I’m ย่อมาจาก I am (ไอ แอม)
บทสนทนาในตอนนี้เป็นตอนที่ต่อเนื่องจาก Where are you from?นะครับ ยังคงเป็นบทสนทนาถามตอบข้อมูลคร่าวๆของคู่สนทนาอยู่ ซึ่งเป็นการสอบถามข้อมูลทั่วๆไม่ได้เจาะลึกข้อมูลส่วนตัวมากนัก เพราะเป็นการเจอกันครั้งแรกแค่นั้นเอง ดังบทสนทนาต่อไปนี้
What do you do? / What’s your job? มีความหมายเหมือนกัน แต่อันแรกเห็นใช้กันมากกว่า
การตอบคำถามส่วนใหญ่ จะเป็นการบอกตำแหน่งของงาน เช่น
I’m a teacher.
ไอม อะ ที๊ชเชอะ (ผมเป็นครู)
I’m a doctor.
ไอม อะ ด็อคเทอะ (ฉันเป็นหมอ)
แต่บางครั้งก็สามารถบอกสถานที่ทำงาน I work in………… แทนตำแหน่งก็ได้ดังตัวอย่าง และไม่ต้องถามต่อนะครับว่าอยู่ตำแหน่งอะไร ถ้าคู่สนทนาบอกแค่นี้ก็แสดงว่าเขาไม่อยากให้เรารู้รายละเอียดมากกว่านี้แล้ว เอาไว้คุ้นเคยกันเดี๋ยวก็รู้เองแหละ
บทสนทนาภาษาอังกฤษฉบับง่ายๆ ตอน Where are you from?
บทสนทนาในตอนนี้เป็นตอนที่ต่อเนื่องจาก Hello นะครับ หลังจากที่ได้ทักทายและทำความรู้จักกันแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการสนทนาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โดยมากก็จะถามสองสามเรื่องเป็นเบื้องต้น ดังบทสนทนาต่อไปนี้
A: Where are you from?
แว อา ยู ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน
B: I’m from England.
ไอม ฟรอม อิ๊งเลินด
ฉัน มา จาก ประเทศอังกฤษ
B: Where do you come from?
แว ดู ยู คัม ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน
A: I come from America.
ไอ คัม ฟรอม อเม๊ริเคอะ
ฉัน มา จาก ประเทศ อเมริกา
การบอกประเทศที่มา จะเอาชื่อเมืองนำหน้าก่อนก็ได้ เช่น
I’m from Bangkok, Thailand.
ไอม ฟรอม แบ๊งค็อค ไท๊แลนด
ฉันมาจากกรุงเทพ ประเทศไทย
Where do you come from?/ Where are you from? มีความหมายเดียวกัน
I’m from… / I come from… ก็มีความหมายเหมือนกัน
จะทำอย่างไรเมื่อต้องการหาสามีต่างชาติ แต่เรากลับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซ่ะงั้น??? เป็นเรื่องยากสำหรับสาวๆหลายคนที่ไม่มีโอกาศ เรียนจบสูงๆ เลยทำให้เรื่องภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ยากที่สุด และคำถามที่พบมากที่สุดคือ อยากได้สามีต่างชาติแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำไงดี??? เลยทำให้หลายคนหมดหวัง เพราะเรื่องการสื่อสารนี่เอง แต่อาจไม่ใช่กับทุกคน บางคนพอเข้าใจแต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าออกเสียงให้ถูกต้อง อาจเป็นเพราะอาย ที่จะออกเสียงชัดเจน เพราะภาษาอังกฤษนั้นต้องออกเสียงให้ชัดเจน ถ้าออกเสียงไม่ชัดเจน จะทำให้ไม่มีความหมายหรือความหมายเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับภาษาไทย เมื่อชาวต่างชาติพูดไทย แน่นอนสำเนียงจะแปลกๆ แต่เรามักจะหัวเราะเพราะ เห็นว่าเป็นเรื่องตลก พอมองย้อนกลับกันชาวต่างชาติไม่หัวเราะเราเมื่อเราพูดไม่ถูกต้อง เค้าพยายามที่จะเข้าใจเราเช่นเดียวกัน
หลักการในการเริ่มต้นพูดภาษาอังกฤษ นั้น จะต้องเริ่มมาจากสิ่งต่อไปนี้
1. ความมั่นใจในการพูด หากคุณมีเด็กเล็ก..น้องๆ หรือหลานๆ ในบ้านคุณ คุณจะเห็นได้ชัดว่าแม้แต่เด็กเล็กยังต้องการความมั่นใจในการเริ่มต้นพูด เขาจะฟังคุณแม่ที่คอยกระตุ้นให้เขาพูด แต่ยังไม่ยอมพูดจนกว่าเขาจะมั่นใจว่า สิ่งที่คุณแม่สอนนั้น เขาเข้าใจได้ถูกต้อง เช่น ชี้คุณพ่อได้ถูกต้อง เมื่อคุณแม่ถามว่าคุณพ่ออยู่ไหน เป็นการทดสอบก่อนว่าสิ่งที่ได้ฟังมานั้นเข้าใจถูกหรือไม่ หากได้รับคำชมจากคุณแม่ หลังจากนั้นไม่นานคุณจะพบว่าเขาจะเริ่มเรียก “พ่อ” ตามสำเนียงของเขาได้ นั่นคือ ประสบการณ์ของเขาสอนให้เขารู้ว่า หากเขามีความมั่นใจแล้วและพูดออกมาได้ถูกต้อง เขาจะได้รับคำชม
ในทางกลับกัน หากเขาพูดผิด และผู้ใหญ่หัวเราะด้วยความเอ็นดู แต่เมื่อเด็กรู้สึกอายแล้ว สมองก็จะสั่งไม่ให้เขาพูด เขาก็จะไม่ยอมพูดออกมาจนกว่าจะมีความมั่นใจอีกครั้ง ดังนั้นคุณไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจิตใต้สำนึกของเราจึงสั่งให้เราเดินหนีฝรั่ง เมื่อเราไม่มั่นใจ เราจึงควรสร้างความมั่นใจด้วยการฝึกฝนเองหรือให้ครูที่มีประสบการณ์ในการสอน หรือมีจิตวิทยาในการสอน มาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้
2. ความรู้ในสิ่งที่เราจะพูด สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ หากเราสามารถพูดได้ แต่ไม่มีความรู้ในสิ่งที่เขากำลังคุยกันอยู่ เราก็ใบ้ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรอ่านหนังสือที่เป็นความรู้รอบตัว หรือหากเรามีความจำเป็นที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษเรา ก็ควรจะหาข้อมูล เกี่ยวกับสิ่งนั้น ที่เป็นภาษาอังกฤษ แล้วเตรียมดูคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้อง หรือหาครูภาษาอังกฤษมาช่วยสอนให้ เป็นการเตรียมการเพิ่มเติมความรู้ในสิ่งที่เราอาจจะต้องพูด
3. การใช้คำที่เหมาะสม หากคุณเคยพูดภาษาอังกฤษเล่นๆกับเพื่อน พูดถูกบ้างผิดบ้าง เพื่อนก็เข้าใจคุณ และคุณก็ไม่ได้ศึกษาว่าคำภาษาอังกฤษคำนี้เหมาะสมหรือไม่ หาก จะใช้กับแขกต่างประเทศหรือใช้ในที่ทำงาน ถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการ คุณก็ใบ้ได้อีกเช่นกันว่าเราควรจะพูดประโยคนี้ดีหรือไม่ เหมาะสมหรือเปล่า เป็นภาษาที่เขาใช้ในสังคมหรือไม่